สถานการณ์ประชากรที่กำลังได้รับความสนใจในสังคมโลกปัจจุบันคงจะหนีไม่พ้นเรื่องโครงสร้างประชากรที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องและสังคมไทยในปัจจุบันมีอัตราการเกิดของประชากรต่ำแนวโน้มในอนาคตประเทศไทยจะเปลี่ยนเป็น”สังคมผู้สูงอายุ” จังหวัดที่มีอัตราการเกิดของประชากรมากที่สุด3อันดับคือ กรุงเทพฯ นครราชสีมา ชลบุรีและเรียงตามลำดับตามตารางที่ยกตัวอย่างมานั้นเองรายงสนนี้จัดทำขึ้นเพื่อนำเสนอข้อมูลอัตราการเกิดของประชากรไทยในปัจจุบันตั้งแต่ 2550-2552 เป็นต้น
ประชากรไทยในอนาคตเพิ่มช้าลงไปเรื่อยๆ อีกไม่เกิน 20 ปีข้างหน้า อัตราเพิ่มของประชากรไทยจะใกล้เคียงกับศูนย์และอาจเป็นไปได้ว่าอัตราเพิ่มประชากรลดลงไปจนต่ำกว่าศูนย์หรือติดลบ จำนวนประชากรไทยใกล้จะถึงจุดคงตัวแล้วเมื่ออัตราเพิ่มประชากรใกล้เคียงกับศูนย์ ประชากรก็จะมีจำนวนคงตัวที่ประมาณ 65ล้านคน ในแต่ละปี ประชากรไทยจะไม่เพิ่มหรือลดไปจากจำนวนนี้มากนัก ประชากรไทยมีจำนวนคงตัวในระยะเวลาอีกเพียงประมาณ15 ปีเท่านั้น
ในขณะที่จำนวนประชากรไทยกำลังเพิ่มช้าลงนั้นได้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอายุของประชากรอย่างใหญ่หลวง เมื่ออัตราเกิดลดต่ำลงอย่างมากและผู้คนมีอายุยืนยาวนั้นสังคมไทยจึงกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว ในปี พ.ศ. 2548 ประเทศไทยมีผู้สูงอายุประมาณร้อยละ 10 ของประชากรทั้งหมดแต่ในอีก 30 ปีข้างหน้า ผู้สูงอายุจะเพิ่มเป็นร้อยละ 25ของประชากรทั้งหมด หรือมีจำนวนมากถึง 16 ล้านคนเมื่อถึงเวลานั้น ประชากรสูงอายุจะมีจำนวนมากกว่าประชากรวัยเด็กเสียอีก
สัดส่วนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วส่งผลให้ลักษณะการพึ่งพิงทางเศรษฐกิจระหว่างประชากรวัยต่าง
ๆ เปลี่ยนไป เดิมมีประชากรวัยเด็กที่ต้องพึ่งพิงประชากรวัยแรงงานมากกว่าผู้สูงอายุแต่ในอนาคตอันใกล้นี้ จะมีผู้สูงอายุที่ต้องพึ่งพิงประชากรวัยแรงงานมากกว่าเด็ก อัตราส่วนระหว่างประชากรวัยแรงงานต่อผู้สูงอายุจะลดลงจนเหลือเพียง2 ต่อผู้สูงอายุ 1 คน ในอีก 30 ปีข้างหน้า
ในขณะที่จำนวนประชากรไทยกำลังเพิ่มช้าลงนั้นได้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอายุของประชากรอย่างใหญ่หลวง เมื่ออัตราเกิดลดต่ำลงอย่างมากและผู้คนมีอายุยืนยาวนั้นสังคมไทยจึงกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว ในปี พ.ศ. 2548 ประเทศไทยมีผู้สูงอายุประมาณร้อยละ 10 ของประชากรทั้งหมดแต่ในอีก 30 ปีข้างหน้า ผู้สูงอายุจะเพิ่มเป็นร้อยละ 25ของประชากรทั้งหมด หรือมีจำนวนมากถึง 16 ล้านคนเมื่อถึงเวลานั้น ประชากรสูงอายุจะมีจำนวนมากกว่าประชากรวัยเด็กเสียอีก
สัดส่วนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วส่งผลให้ลักษณะการพึ่งพิงทางเศรษฐกิจระหว่างประชากรวัยต่าง
ๆ เปลี่ยนไป เดิมมีประชากรวัยเด็กที่ต้องพึ่งพิงประชากรวัยแรงงานมากกว่าผู้สูงอายุแต่ในอนาคตอันใกล้นี้ จะมีผู้สูงอายุที่ต้องพึ่งพิงประชากรวัยแรงงานมากกว่าเด็ก อัตราส่วนระหว่างประชากรวัยแรงงานต่อผู้สูงอายุจะลดลงจนเหลือเพียง2 ต่อผู้สูงอายุ 1 คน ในอีก 30 ปีข้างหน้า
การเปลี่ยนแปลงประชากรไทยในอนาคตได้ก่อให้เกิดนัยยะเชิงนโยบายหลายประการ
(1) การที่เด็กเกิดใหม่แต่ละปีมีแนวโน้มลดน้อยลงในอนาคตจะทำให้รัฐไม่ต้องกังวลเรื่องปริมาณและสามารถมุ่งเน้นที่คุณภาพของเด็กเกิดใหม่โดยเฉพาะงานอนามัยแม่และเด็กได้มากยิ่งขึ้น
(2) เช่นเดียวกับประชากรเด็กประชากรในวัยศึกษาเล่าเรียนมีแนวโน้มลดลง รัฐจะสามารถเน้นคุณภาพของการศึกษาได้ดีขึ้น
(3) แม้จำนวนประชากรวัยแรงงานมีแนวโน้มที่จะไม่เปลี่ยนแปลงมากนักในอนาคตแต่ความต้องการแรงงานในระบบเศรษฐกิจของประเทศอาจมีเพิ่มขึ้น “การนำเข้า”แรงงานจากต่างประเทศอาจเป็นสิ่งจำเป็น ดังนั้นการจัดการแรงงานข้ามชาติให้เป็นระบบที่ดีจึงเป็นเรื่องที่ควรได้รับความสนใจเป็นอย่างยิ่ง
(4) ประชากรยิ่งมีอายุมากยิ่งเพิ่มเร็วสังคมไทยกำลังกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุ มาตรการและโครงการที่จะเป็นสวัสดิการให้ประชากรสูงอายุไม่ว่าจะเป็นเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ทั่วไป หรือเรื่องสุขภาพอนามัย ควรที่จะได้เริ่มกันตั้งแต่วนนี้และจะต้องพัฒนาไปให้ทันกับการเพิ่มอย่างรวดเร็วของประชากรสูงอายุในอนาคต
(2) เช่นเดียวกับประชากรเด็กประชากรในวัยศึกษาเล่าเรียนมีแนวโน้มลดลง รัฐจะสามารถเน้นคุณภาพของการศึกษาได้ดีขึ้น
(3) แม้จำนวนประชากรวัยแรงงานมีแนวโน้มที่จะไม่เปลี่ยนแปลงมากนักในอนาคตแต่ความต้องการแรงงานในระบบเศรษฐกิจของประเทศอาจมีเพิ่มขึ้น “การนำเข้า”แรงงานจากต่างประเทศอาจเป็นสิ่งจำเป็น ดังนั้นการจัดการแรงงานข้ามชาติให้เป็นระบบที่ดีจึงเป็นเรื่องที่ควรได้รับความสนใจเป็นอย่างยิ่ง
(4) ประชากรยิ่งมีอายุมากยิ่งเพิ่มเร็วสังคมไทยกำลังกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุ มาตรการและโครงการที่จะเป็นสวัสดิการให้ประชากรสูงอายุไม่ว่าจะเป็นเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ทั่วไป หรือเรื่องสุขภาพอนามัย ควรที่จะได้เริ่มกันตั้งแต่วนนี้และจะต้องพัฒนาไปให้ทันกับการเพิ่มอย่างรวดเร็วของประชากรสูงอายุในอนาคต
สรุปได้ว่า อัตราการเกิดของประชากรในประเทศไทย พ.ศ.2551อัตราการเกิดของประชากรมากที่สุดคือกรุงเทพฯคิดเป็นร้อยละ65.03%ส่วนบุรีคิดเป็นร้อยละ17.70%และนครราชสีมาคิดเป็นร้อยละ17.27%จะเห็นได้ว่ากรุงเทพฯยังคงเป็นจังหวัดที่มีอัตราการเกิดของประชากรสูงสุดของประเทศรองลงมาคือชลบุรีและนครราชสีมาเรียงตามลำดับ
สรุปได้ว่า อัตราการเกิดของประชากรในประเทศไทย พ.ศ.2552 จังหวัดที่มีการเกิดของประชากรมากที่สุดคือกรุงเทพฯคิดเป็นร้อยละ 65.12%ส่วนชลบุรีคิดเป็นร้อยละ17.62%และนครราชสีมาคิดเป็นร้อยละ17.20%และจะเห็นได้ว่ากรุงเทพฯยังคงเป็นจังหวัดที่มีอัตราการเกิดของประชากรสูงสุดของประเทศรองลงมาคือชลบุรีและนครราชสีมาเรียงตามลำดับ
สรุปได้ว่า ข้อมูลอัตราการเกิดของประชากรไทยปี พ.ศ.2550-2552 จังหวัดที่มีอัตราการเกิดของประชากรมากที่สุดคือกรุงเทพฯคิดเป็นร้อยละ 65.45% ส่วนชลบุรีคิดเป็นร้อยละ17.49% และนครราชสีมาคิดเป็นร้อยละ17.06% จะเห็นได้ว่ากรุงเทพยังคงเป็นจังหวัดที่มีอัตราการเกิดของประชากรสูงที่สุดของประเทศรองลงมาคือชลบุรีและนครราชสีมาเรียงตามลำดับ
สรุปได้ว่าจังหวัดที่มีอัตราการเกิดของประชากรมากที่สุดจะเห็นได้จากแผนภูมิคือกรุงเทพมหานครส่วนอัตราการเกิดของจังหวัดชลบุรีและจังหวัดนครราชสีมาจะมีอัตราการเกิดของประชากรที่ใกล้เคียงกัน
บทสรุป
จากการสำรวจอัตราการเกิดของประชากรในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2550-2552 พบว่าอัตราการเกิดของประชากรมากที่สุด3อันดับจะอยู่ที่กรุงเทพฯ, ชลบุรี, นครราชสีมาโดยในปี พ.ศ. 2550 กรุงเทพมีอัตราการเกิดของประชากรมากถึง 110,534คน ส่วนชลบุรีมีอัตราการเกิดของประชากรมากถึง 29,069 คนในปี พศ.2551 และนครราชสีมามีอัตราการเกิดมากที่สุดในปี พ.ศ.2551 มีจำนวนการเกิดของประชากรมากถึง 28,351คน และในแต่และปีจะเห็นได้ว่าอัตราการเกิดของจำนวนประชากรจะไม่เท่ากันบางปีจำนวนการเกิดของประชากรก็ลดลงบางปีก็เพิ่มขึ้นส่วนจังหวัดอื่นๆก็มีอัตราการเกิดของประชากรเรียงตามดำดับตามตารางที่กล่าวมาข้างต้น
ข้อเสนอแนะ
อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการจัดการรณรงค์เกี่ยวกับอัตราการเกิดของประชากรในประเทศว่าในแต่ละปีมีการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของจำนวนประชากรและในปัจจุบันมีจำนวนประชากรเท่าไรในประเทศ
เอกสารอ้างอิง
http://www.nso.go.th/ สำนักงานสถิติแห่งชาติ
นางสาวพัชรา นนท์ขุนทด ชื่อเล่น โล
รหัสนิสิต 52010119034 สาขาการพัฒนาชุมชน ปี2กลุ่มเรียนที่ 1 ระบบปกติ
ตรวจแล้ว
ตอบลบอ.กนกพร